วิธีการกินแก้วมังกร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด 

การรับประทานแก้วมังกร (Dragon Fruit หรือ Pitaya) เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนสามารถทำได้หลายวิธี โดยเนื้อของแก้วมังกรมีลักษณะนุ่มและมีเมล็ดเล็กๆ ที่สามารถรับประทานได้ แก้วมังกรมีหลายสายพันธุ์และสี ได้แก่ สีขาว (Hylocereus undatus) สีแดง (Hylocereus costaricensis) และสีเหลือง (Hylocereus megalanthus) ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีคุณประโยชน์และสารอาหารที่แตกต่างกันออกไป

วิธีการกินแก้วมังกร

  1. การเตรียมผลไม้: เริ่มจากการล้างแก้วมังกรให้สะอาด ใช้มีดตัดขั้วออก แล้วผ่าครึ่งตามยาว จากนั้นใช้ช้อนตักเนื้อออก หรืออาจใช้มีดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อรับประทานได้ง่ายขึ้น
  2. การรับประทานดิบ: การรับประทานแก้วมังกรแบบสดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคงคุณค่าสารอาหาร เนื่องจากไม่ต้องผ่านความร้อนที่อาจทำลายวิตามินและสารอาหารบางชนิด แก้วมังกรมีรสชาติหวานเบา ๆ และเนื้อสัมผัสที่นุ่ม
  3. การทำสมูทตี้หรือสลัด*: คุณสามารถนำเนื้อแก้วมังกรไปทำสมูทตี้หรือสลัดผลไม้ร่วมกับผลไม้อื่น ๆ การทำสมูทตี้ช่วยให้รับประทานง่าย และยังเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มวิตามินและเกลือแร่จากผลไม้อื่น ๆ อีกด้วย
  4. การทำของหวานหรือเครื่องดื่ม: แก้วมังกรสามารถนำไปใช้ทำของหวาน เช่น พุดดิ้ง เจลลี่ หรือไอศกรีม นอกจากนี้ยังสามารถคั้นน้ำแก้วมังกรเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มสดชื่นได้

คุณประโยชน์ของแก้วมังกรแต่ละสี

  1. แก้วมังกรเนื้อขาว 

 – สารต้านอนุมูลอิสระ: แก้วมังกรเนื้อขาวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายต่อเซลล์และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ

   – ไฟเบอร์สูง: เนื้อแก้วมังกรขาวมีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหารและลดระดับคอเลสเตอรอล

   – วิตามิน C: แก้วมังกรขาวเป็นแหล่งของวิตามิน C ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย

  1. แก้วมังกรเนื้อแดง 

– เบตาเลนส์ (Betalains): แก้วมังกรเนื้อแดงมีสารเบตาเลนส์ที่ให้สีแดงเข้ม ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าแก้วมังกรขาว เบตาเลนส์ยังมีส่วนช่วยลดการอักเสบและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ

   – วิตามิน A: แก้วมังกรแดงเป็นแหล่งของวิตามิน A ที่ช่วยในการมองเห็นและการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง

 – ธาตุเหล็ก: แก้วมังกรแดงมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลิตเม็ดเลือดแดงและการขนส่งออกซิเจนในร่างกาย

  1. แก้วมังกรเนื้อเหลือง 

– วิตามิน E: แก้วมังกรเหลืองมีวิตามิน E ที่มีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและส่งเสริมสุขภาพผิว

   – แมกนีเซียม: เนื้อแก้วมังกรเหลืองมีแมกนีเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมทั้งช่วยในการทำงานของระบบประสาท

   – คาร์โบไฮเดรต: แก้วมังกรเหลืองมีคาร์โบไฮเดรตธรรมชาติที่เป็นแหล่งพลังงานที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานในการทำกิจกรรม

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    Hoiana Casino