วิธีการกินแก้วมังกร ให้ได้ประโยชน์สูงสุด 

การรับประทานแก้วมังกร (Dragon Fruit หรือ Pitaya) เพื่อให้ได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนสามารถทำได้หลายวิธี โดยเนื้อของแก้วมังกรมีลักษณะนุ่มและมีเมล็ดเล็กๆ ที่สามารถรับประทานได้ แก้วมังกรมีหลายสายพันธุ์และสี ได้แก่ สีขาว (Hylocereus undatus) สีแดง (Hylocereus costaricensis) และสีเหลือง (Hylocereus megalanthus) ซึ่งแต่ละสายพันธุ์มีคุณประโยชน์และสารอาหารที่แตกต่างกันออกไป

วิธีการกินแก้วมังกร

  1. การเตรียมผลไม้: เริ่มจากการล้างแก้วมังกรให้สะอาด ใช้มีดตัดขั้วออก แล้วผ่าครึ่งตามยาว จากนั้นใช้ช้อนตักเนื้อออก หรืออาจใช้มีดหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เพื่อรับประทานได้ง่ายขึ้น
  2. การรับประทานดิบ: การรับประทานแก้วมังกรแบบสดเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคงคุณค่าสารอาหาร เนื่องจากไม่ต้องผ่านความร้อนที่อาจทำลายวิตามินและสารอาหารบางชนิด แก้วมังกรมีรสชาติหวานเบา ๆ และเนื้อสัมผัสที่นุ่ม
  3. การทำสมูทตี้หรือสลัด*: คุณสามารถนำเนื้อแก้วมังกรไปทำสมูทตี้หรือสลัดผลไม้ร่วมกับผลไม้อื่น ๆ การทำสมูทตี้ช่วยให้รับประทานง่าย และยังเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มวิตามินและเกลือแร่จากผลไม้อื่น ๆ อีกด้วย
  4. การทำของหวานหรือเครื่องดื่ม: แก้วมังกรสามารถนำไปใช้ทำของหวาน เช่น พุดดิ้ง เจลลี่ หรือไอศกรีม นอกจากนี้ยังสามารถคั้นน้ำแก้วมังกรเพื่อทำเป็นเครื่องดื่มสดชื่นได้

คุณประโยชน์ของแก้วมังกรแต่ละสี

  1. แก้วมังกรเนื้อขาว 

 – สารต้านอนุมูลอิสระ: แก้วมังกรเนื้อขาวมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเกิดความเสียหายต่อเซลล์และลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็งและโรคหัวใจ

   – ไฟเบอร์สูง: เนื้อแก้วมังกรขาวมีไฟเบอร์สูง ช่วยในการย่อยอาหารและลดระดับคอเลสเตอรอล

   – วิตามิน C: แก้วมังกรขาวเป็นแหล่งของวิตามิน C ที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและการผลิตคอลลาเจนในร่างกาย

  1. แก้วมังกรเนื้อแดง 

– เบตาเลนส์ (Betalains): แก้วมังกรเนื้อแดงมีสารเบตาเลนส์ที่ให้สีแดงเข้ม ซึ่งมีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระที่สูงกว่าแก้วมังกรขาว เบตาเลนส์ยังมีส่วนช่วยลดการอักเสบและลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ

   – วิตามิน A: แก้วมังกรแดงเป็นแหล่งของวิตามิน A ที่ช่วยในการมองเห็นและการเจริญเติบโตของเซลล์ผิวหนัง

 – ธาตุเหล็ก: แก้วมังกรแดงมีธาตุเหล็กสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการผลิตเม็ดเลือดแดงและการขนส่งออกซิเจนในร่างกาย

  1. แก้วมังกรเนื้อเหลือง 

– วิตามิน E: แก้วมังกรเหลืองมีวิตามิน E ที่มีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายและส่งเสริมสุขภาพผิว

   – แมกนีเซียม: เนื้อแก้วมังกรเหลืองมีแมกนีเซียมสูง ช่วยเสริมสร้างกระดูกและกล้ามเนื้อ รวมทั้งช่วยในการทำงานของระบบประสาท

   – คาร์โบไฮเดรต: แก้วมังกรเหลืองมีคาร์โบไฮเดรตธรรมชาติที่เป็นแหล่งพลังงานที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการพลังงานในการทำกิจกรรม

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    Hoiana Casino

ภาวะหลอดลมตีบในนักกีฬา

ภาวะหลอดลมตีบ (Exercise-Induced Bronchoconstriction หรือ EIB) เป็นภาวะที่หลอดลมหดตัวขณะออกกำลังกาย ซึ่งส่งผลให้การหายใจลำบากและมีอาการคล้ายหอบหืด ภาวะนี้พบได้บ่อยในนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกายหนัก โดยเฉพาะผู้ที่ทำกิจกรรมในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศเย็น แห้ง หรือมีมลพิษทางอากาศ 

ความชุกของภาวะหลอดลมตีบในนักกีฬา

ภาวะ EIB สามารถพบได้ในนักกีฬาทุกประเภท แต่มักพบในกีฬาที่ต้องการใช้กำลังทางร่างกายสูงเป็นระยะเวลานาน เช่น วิ่ง, ว่ายน้ำ, และกีฬาฤดูหนาว เช่น สกีและสเกตน้ำแข็ง จากการศึกษาพบว่าประมาณ 10-50% ของนักกีฬามีอาการของ EIB ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของกีฬาและสภาพแวดล้อมที่เล่นกีฬา

 

สาเหตุของภาวะหลอดลมตีบ

สาเหตุหลักของ EIB เกิดจากการหายใจอย่างรวดเร็วและลึกในระหว่างการออกกำลังกาย ซึ่งทำให้สูญเสียน้ำและความร้อนจากทางเดินหายใจ การสูญเสียนี้ทำให้ทางเดินหายใจแห้งและเย็นลง ส่งผลให้เกิดการหดตัวของกล้ามเนื้อหลอดลม นอกจากนี้ สภาพแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้หรือมลพิษในอากาศสูง เช่น ฝุ่น ละอองเกสรดอกไม้ หรือควันบุหรี่ อาจกระตุ้นให้เกิดอาการ EIB ได้ง่ายขึ้น

 

จุดสังเกตของภาวะหลอดลมตีบ

อาการของ EIB มักเกิดขึ้นภายใน 5-20 นาทีหลังจากเริ่มออกกำลังกายหรือหลังจากหยุดออกกำลังกายได้ไม่นาน อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่:

– หายใจลำบากหรือหอบเหนื่อย

– ไอแห้ง ๆ 

– เจ็บหรือแน่นหน้าอก

– หายใจมีเสียงวี๊ด (wheezing)

– เหนื่อยง่ายกว่าปกติขณะออกกำลังกาย

บางครั้งอาการเหล่านี้อาจไม่รุนแรงจนไม่สังเกตเห็น แต่หากเกิดอาการบ่อยครั้งหรือมีความรุนแรงมากขึ้น ควรพิจารณาถึงการมี EIB

 

 การจัดการและการรักษาภาวะหลอดลมตีบ

หากมีอาการที่อาจบ่งชี้ว่าเป็น EIB ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างถูกต้อง แพทย์อาจแนะนำให้ทดสอบการหายใจหรือตรวจวัดการทำงานของปอดเพื่อยืนยันการวินิจฉัย

การจัดการ EIB รวมถึงการใช้ยาที่ช่วยขยายหลอดลมหรือป้องกันการหดตัวของหลอดลม เช่น ยาสูดขยายหลอดลม (Bronchodilators) ที่ใช้ก่อนออกกำลังกายหรือยาที่ช่วยลดการอักเสบของทางเดินหายใจ นอกจากนี้ การวอร์มอัพก่อนออกกำลังกายอย่างเพียงพอ และการหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในสภาพแวดล้อมที่มีมลพิษหรืออากาศเย็นจัด ก็สามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิด EIB ได้

 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

สำหรับนักกีฬาหรือผู้ที่ออกกำลังกาย ควรใส่ใจสังเกตอาการของตนเอง หากรู้สึกว่ามีอาการหอบเหนื่อยมากกว่าปกติ หรือมีอาการอื่น ๆ ที่บ่งบอกถึงภาวะหลอดลมตีบ ควรหยุดพักและประเมินอาการตนเอง หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม

ภาวะ EIB แม้ว่าจะเป็นอาการที่พบได้บ่อยในนักกีฬา แต่สามารถจัดการและรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากได้รับการดูแลอย่างถูกต้อง นักกีฬายังสามารถเล่นกีฬาและออกกำลังกายได้อย่างปลอดภัยและเต็มที่

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    ใส่เครื่องช่วยฟังดีไหม

เรียกใช้ผู้ให้บริการรับย้ายบ้านดียิ่งกว่าหรือเปล่า

เรียกใช้ผู้ให้บริการรับย้ายบ้านดียิ่งกว่าหรือเปล่า ถ้าหากดูให้ดีจะมีความเห็นว่าคนส่วนมากนิยมเรียกใช้ผู้ให้บริการรับย้ายบ้านร่วมกันทั้งหมด โน่นก็เพราะว่าสบาย เร็วแล้วก็มีความปลอดภัยในสินทรัพย์มากยิ่งกว่า ส่วนเจ้าของบ้านสามารถใช้เวลาไปกับการจัดการเรื่องเอกสารแล้วก็หลักเกณฑ์เรื่องเจ้าของต่าง ๆ ได้อย่างมาก

เหมาะสมกับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา และไม่ต้องการวุ่นวายกับการดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งปัจจุบันนี้สามารถเลือกได้เพราะอยากได้รับบริการในส่วนไหนบ้าง ดังต่อไปนี้

  1. ขนเพียงอย่างเดียว เมื่อติดต่อบริการแล้ว ไม่ใช่ว่าจะแจ้งแค่เพียงขนย้ายเท่านั้น โดยทางเจ้าของบ้านจำเป็นต้องแจ้งไปก่อนว่ามีอะไรบ้างที่ปรารถนาขน เพื่อข้าราชการเสนอชนิดของรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้แรงงานมาให้ ถ้าตกลงก็แค่จัดแจงแพ็คของแล้วรอคอยให้ถึงเวลาวันนัดพบเพียงแค่นั้น

 

  1. แพ็คของพร้อมขนถ่าย บริการอย่างงี้มีจุดเด่นตรงที่คณะทำงานจะมีเครื่องไม้เครื่องมือการแพ็คมาให้ ที่สามารถปกป้องความทรุดโทรมได้ดียิ่งไปกว่าแพ็คด้วยตัวเองอย่างแน่แท้ และก็ด้วยประสบการณ์ดำเนินการผู้ให้บริการรับย้ายบ้านก็เลยจัดระบบของได้ดีมากว่าด้วย

 

  1. ดูแลแบบครบวงจร การลำเลียงอย่างงี้จะมีคณะทำงานชำแหละชิ้นส่วนของเครื่องเรือน กระทำการแพ็คให้เป็นระเบียบพร้อมด้วยย้ายให้ด้วย แค่เพียงเจ้าของบ้านแจ้งเหตุปรารถนาว่าอยากทำอะไรบ้าง รวมทั้งรอตรวจความเรียบร้อยก็พอแล้ว

 

จุดเด่นของการย้ายบ้านแต่ละแบบ หากว่าในรูปภาพรวมการใช้บริการรับย้ายบ้านจะมองสบายรวมทั้งราวกับมีข้อดีการย้ายเองอยู่หลายแบบ แม้กระนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เลือกไหนจะมีแม้กระนั้นจุดเด่นเพียงอย่างเดียว ทดลองดูการเปรียบเทียบในหัวข้อต่าง ๆ ต่อแต่นี้ไป

 

  1. ความสบายรวดเร็วทันใจ จุดนี้จะต้องชูให้กับคณะทำงานที่ให้บริการรับย้ายบ้าน ด้วยความชำนิชำนาญพวกเขาจะทราบว่าจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง เครื่องเรือนแล้วก็สิ่งของเครื่องใช้แต่ละจำพวกจำเป็นที่จะต้องจัดแจงเช่นไร แถมเครื่องใช้ไม้สอยสำหรับดำเนินงานก็พร้อมกว่า

 

  1. ค่าใช้สอย แน่ ๆ ว่าย้ายบ้านด้วยตัวเองจำเป็นต้องมัธยัสถ์กว่าอยู่แล้ว ในเวลาที่การใช้บริการคณะทำงานรับย้ายบ้านจะแพงตั้งแต่ถูกไปจนกระทั่งแพง ตามใจคุณภาพและก็ต้นแบบบริการที่เลือก

 

  1. ความปลอดภัยของเงินทองที่ขน ข้อนี้ขึ้นกับหลายต้นเหตุ แม้ย้ายเองแม้กระนั้นไม่กระทำการแพ็คให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก็ได้โอกาสที่ของจะเสียหายได้ ส่วนการว่าจ้างกลุ่มขน ถ้าเกิดเป็นกลุ่มที่ปราศจากความเป็นมือโปรก็สุ่มเสี่ยงที่จะดูแลของให้พวกเราไม่ดี บางทีอาจหายหรือแตกหักได้เช่นเดียวกัน

 

หลังตรึกตรองจากต้นสายปลายเหตุทั้งผองแล้วหลังจากนั้นก็จะได้ผลสรุปเองว่าบ้านของพวกเราควรใช้แนวทางขนถ่ายแบบไหนดี ซึ่งบอกได้เลยว่าไม่มีต้นแบบแน่นอน บางครั้งอาจจะเป็นการผสมระหว่างการย้ายบ้านด้วยตัวเองกับว่าจ้างบริการรับขนก็ยังได้

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      ตัวช่วยสำคัญสำหรับผู้ที่มีปัญหาหูตึง

ทานมื้อดึกอย่างไรไม่ให้อ้วน 

เชื่อว่าหลายคนคงเคยเป็นกันนั่นก็คือถ้าหากว่านอนดึกเมื่อไหร่จะรู้สึกว่ามีความหิว และอยากอาหารทันทีที่สำคัญถ้าหากว่าไม่ได้กินก็จะทำให้รู้สึกว่านอนไม่หลับและกระสับกระส่ายยิ่งถ้าหากใครก่อนนอนมีการเปิด Twitter หรือ Facebook หรือแม้แต่ติ๊กต๊อกที่มีการโพสต์อาหารเยอะๆรับรองได้เลยว่าคุณจะไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้อย่างแน่นอนดังนั้นในบทความนี้เราจะมาพูดถึงวิธีการดีๆ

หากใครจำเป็นที่จะต้องมีการกินอาหารเป็นมื้อดึกต้องกินอย่างไรถึงจะทำให้เรานั้นไม่อ้วน 

อย่างที่เรารู้กันดีว่าการที่เราจะทานอาหารเพื่อไม่ให้ตนเองนั้นอ้วนก็คือการที่จะต้องกินอาหารเย็นก่อน 6 โมงเย็นและควรจะต้องมีการเว้นระยะหลังจากที่กินอาหารแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมง

เราถึงจะนอนได้ซึ่งวิธีการนี้เป็นวิธีการดูแลสุขภาพร่างกายที่ถูกต้องแต่ในความเป็นจริงแล้วคนเราไม่สามารถที่จะทำตามตารางต่างๆได้แบบเป๊ะๆนั่นก็เพราะว่าบางครั้งในช่วงเวลา 4 โมงเย็นถึง 5 โมงเย็นนั้นยังเป็นช่วงเวลาที่เรายังคงต้องทำงานอยู่และไม่สามารถที่จะหาเวลาไปรับประทานอาหารเย็นได้

ในขณะเดียวกันเราอาจจะต้องทานอาหารช่วงเวลาประมาณ 2-3 ทุ่มหลังจากนั้นเราไม่สามารถที่จะทิ้งช่วงไว้นาน 4-6 ชั่วโมงถึงจะสามารถนอนได้เพราะมันจะดึกเกินไปแน่นอนว่าบางคน

จึงมีเหตุผลที่จะต้องทานมื้อดึกดังนั้นสิ่งที่จะทำให้เราทานมื้อดึกแล้วทำให้เรานั้นยังไม่อยู่ในสภาวะของคนที่กลายเป็นคนอ้วนก็คือเราจะต้องมีการเลือกรับประทานอาหารนั่นก็คือหากเรากินอาหารในช่วงเวลาเย็นหรือทานมื้อดึกนั้นอาหารที่เราทานเข้าไปนั้นส่วนผสมหลักควรจะต้องเป็นผักและอาหารประเภทโปรตีนจากเนื้อสัตว์

ซึ่งเราสามารถที่จะทานเป็นสเต็กและผักสลัดได้โดยสเต็กนั้นให้เลือกเป็นสเต็กเนื้อหมูไม่มีไขมันปนหรือจะเป็นสเต็กเนื้อปลาก็ได้เช่นเดียวกันเพราะการที่เราทานผักและเนื้อสัตว์ก็จะช่วยทำให้ร่างกายของเราสามารถย่อยง่ายและทำให้เราอิ่มได้ง่ายอีกด้วย 

นอกจากนี้    ทัวร์คาสิโนเวียดนาม     หากใครก็ตามที่ไม่สามารถที่จะควบคุมที่จะต้องกินเฉพาะผักและเนื้อสัตว์เพียงอย่างเดียวได้อาจจะต้องมีการทานแป้งเข้าไปเช่นอาจจะต้องทานข้าวร่วม

ด้วยนั้นเรามีเคล็ดลับดีๆมาฝากที่จะเพิ่มประสิทธิภาพที่ทำให้การทานอาหารมื้อดึกนั้นมีคุณภาพและไม่ทำให้อ้วน ซึ่งเช็คง่ายๆก็คือการที่เราไม่ต้องเคี้ยวอาหารเร็วมากจนเกินไปการที่เราค่อยๆเคี้ยวข้าวจะทำให้เรากินข้าวในปริมาณที่น้อยลงเพราะว่าจะทำให้เรานั้นรู้สึกอิ่มนั่นเอง

อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าใครเคี้ยวอาหารเร็วมากจนเกินไปหรือแม้แต่จดจ่อเกี่ยวกับเรื่องของการกินมาก ซึ่งมันจะส่งผลทำให้ร่างกายได้รับปริมาณอาหารที่มากจนเกินไปและทำให้เกิดภาวะความอ้วนสะสมได้นั่นเอง 

ผนังห้องครัว และผิวด้านบนเคาน์เตอร์ครัวควรเป็นแบบใดเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน

นอกจากนี้แล้วยังควรให้ความใส่ใจกับทั้ง ฝาผนังห้องครัว ซึ่งควรจะเป็นสิ่งที่ต้องทนความร้อนได้ ทนน้ำหรือความชื้นได้ อีกทั้งจำเป็นที่จะต้องสามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วย เนื่องจากการทำกับข้าวก็มักจะมีการกระเด็นของน้ำแกง น้ำผัด หรือเศษคราบอาหารต่าง ๆ การเลือกสิ่งต่าง ๆ

ในห้องครัวยังรวมไปถึงผิวบนเคาน์เตอร์ ซึ่งจะต้องเป็นพื้นที่สำหรับจัดเตรียมจัดวางวัตถุดิบประกอบอาหาร อุปกรณ์ครัวต่าง ๆ รวมถึงต้องเจอความร้อนด้วย แน่นอนว่าต้องทำความสะอาดง่าย อย่างไรก็ตามไปดูกันเลย

วัสดุสำหรับฝาผนังห้องครัว นอกจากที่เราจะเคยชินกันแล้ว อย่างเช่น กระเบื้องเซรามิค ที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูง ๆ ที่เกิดจากการประกอบอาหาร ได้ยอดเยี่ยม และฝาผนังแบบการทาสีไปเลย อาจจะเหมาะแค่กับตรงบริเวณที่ไม่ได้มีการทำอาหารโดยตรงซะมากกว่า สีที่ใช้แนะนำเป็นอะคริลิก เพราะสารเคมีน้อย ไม่ต้องคิดมากเรื่องสีหลุดล่อนเพราะเกิดขึ้นได้น้อย

– ฝาผนังฉาบปูนขัดมัน     ควรจะใช้น้ำยาฉาบผิว เพื่อคุ้มครองป้องกันการความชุ่มชื้นแล้วก็รอยเปื้อนต่าง ๆ บนฝาผนัง รวมทั้งเพื่อสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย

– หินเทียมหรือหินสังเคราะห์      มีคุณลักษณะทนต่อความร้อนรวมทั้งความชุ่มชื้น ดูดซับน้ำต่ำก็เลยทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย เหมาะสมกับฝาผนังที่อยู่ใกล้รอบ ๆ ทำกับข้าวหรือรอบ ๆ อ่างล้างถ้วยชาม

– กระเบื้องพอร์ซเลน      ทนต่อความร้อนรวมทั้งความชุ่มชื้น กระเบื้องมีขนาดใหญ่มีรอยต่อน้อย ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ก็เลยไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจเรื่องคราบเปื้อนฝังลึกตามร่องกระเบื้อง

– แผ่นสแตนเลส        ทนต่อความร้อน ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย แม้กระนั้นต้องระมัดระวังเรื่องของกินหรือสารเคมีที่มีกรดหรือด่าง เพราะว่าจะก่อให้กำเนิดรอยด่างได้

 

ท็อปเคาน์เตอร์ครัว

เป็นหลักที่รองหน้าเคาน์เตอร์ห้องครัวที่จำเป็นต้องใช้สำหรับเพื่อการปรุงอาหาร ดังเช่น การสับ การหั่น และจำเป็นต้องพบความร้อนแล้วก็รอยเปื้อนต่าง ๆ เพราะฉะนั้น จำเป็นที่จะต้องเลือกท็อปเคาน์เตอร์ห้องครัวที่ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ไม่ทิ้งคราบเปื้อน และก็คงทน อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับการนำมาทำท็อปเคาน์เตอร์ห้องครัว มีดังนี้

– หินแกรนิต แข็งแรงทนทาน ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ทนไฟ

– หินสังเคราะห์ สร้างมาจากแร่ธรรมชาติแล้วก็มีเรซินเป็นตัวผสาน ก็เลยไม่มีรูพรุน ไม่นำมาซึ่งเชื้อรา สามารถซ่อมได้แม้ว่าจะแตกหัก

– ลามิเนต ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย ราคาแพงถูก รวมทั้งมีหลายลวดลายให้เลือกก็เลยเป็นที่ชื่นชอบสูง

– สแตนเลส ทนไฟ ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย เหมาะสมกับรอบ ๆ หน้าเตาของกิน

– กระเบื้อง มีหลายประเภทให้เลือกตามรูปแบบของกระเบื้องดังเช่นว่า เซรามิค พอร์ซเลน ราคาถูก ทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย แข็งแรงทนทานและก็ทนต่อความร้อน อย่างเช่น เซรามิค พอร์ซเลน

 

สนับสนุนโดย      เครื่องช่วยฟัง

7 ของตกแต่ง ช่วยให้บ้านได้ฟีลแบบอบอุ่น

7 ของตกแต่ง ช่วยให้บ้านได้ฟีลแบบอบอุ่น ตอนไม่กี่วันนี้หลายๆพื้นที่อาจจะสัมผัสได้ถึงลมเย็นๆของหน้าหนาวกันแล้ว สำหรับบ้านที่กำลังมองหาการตกแต่งสร้างพื้นที่ในบ้านให้มองอบอุ่น รับกับอากาศหนาว พวกเรามี 7 ชิ้นมาเสนอแนะ ยืนยันเพียงแค่ทดลองจัดวาง แปลงของเดิมเป็นไอเทมใหม่พวกนี้ บ้านจะมองอบอุ่นน่าซุกแบบอย่างแน่ๆ

 

  1. เพิ่มผิวสัมผัสเข้าไป เมื่อคุณมาถึงบ้าน ผิวสัมผัสต่างๆที่อยู่ในบ้านของคุณ หรือพื้นที่ใดๆจะมีผลให้คุณรู้สึกต้องการสัมผัสมัน รวมทั้งมันจะยิ่งสร้างความสบายให้เกิดขึ้นกับคุณเนื่องจากมันจะก่อให้คุณได้อยู่ภายในเขตพื้นที่อบอุ่นนี้ ยิ่งคุณเพิ่มผิวสัมผัสที่แตกต่างกันนานาประการกันมากมายเยอะแค่ไหนก็จะยิ่งทำให้ห้องนั้นอบอุ่นเพิ่มขึ้น

 

  1. พรมช่วยเชื่อมต่อห้องแต่ละห้อง พรมเป็นแนวทางที่เยี่ยมที่สุดสำหรับในการเชื่อมห้องแต่ละห้องเข้าด้วยกันโดยยิ่งไปกว่านั้นสร้างความน่าดึงดูดใจด้วยสายตา

 

  1. ออกแบบผ้าที่มีไว้สำหรับห่มให้มีเลเยอร์ แน่ๆว่าทุกเตียงอยากได้ผ้าที่เอาไว้สำหรับคลุมเตียงและก็ผ้าที่เอาไว้สำหรับปูที่นอน แม้กระนั้นคุณสามารถทำให้ห้องนอนของคุณมองอบอุ่นขึ้นเป็นพิเศษได้โดยการวางผ้าที่มีไว้สำหรับห่มสัก 3-4 ผืน โดยจัดวางให้มองมีเลเยอร์ ซึ่งจะมีผลให้ห้องนอนของคุณนั้นมองอบอุ่นเพิ่มขึ้น

 

  1. เพิ่มต้นไม้เข้าไป พืชในร่มเป็นแนวทางที่ง่ายและก็ออมที่สุดสำหรับเพื่อการที่จะทำให้บ้านคุณน่าอยู่ แต่ว่าแม้ผู้ใดกันไม่พร้อมที่จะสร้างป่าในบ้านหรือห้องให้ทดลองนำต้นไม้มาเสริมแต่งตกแต่งในตู้ที่มีไว้ใส่หนังสือ หรือชั้นหรือมุมที่ร้างที่ไม่ค่อยได้ใช้แล้วก็แทนที่ด้วยต้นไม้สีเขียว

 

  1. อัพเกรดงานศิลปะของคุณ ทดลองเพิ่มความอบอุ่นให้บ้านด้วยงานศิลปะ ที่สามารถซื้อผลงานศิลป์ได้จากพิพิธภัณฑสถานในบ้านใกล้เรือนเคียง หรือจะสร้างผลงานศิลป์ขึ้นด้วยตัวเองก็นับว่าเป็นงานศิลปะที่มีคุณค่าทั้งหมด โดยงานศิลปะพวกนี้จะสร้างค่าแล้วก็ทำให้ห้องๆนั้นมองเชื้อเชิญเพิ่มมากขึ้น

 

  1. ซื้อของใช้บนโต๊ะอาหารให้เหมาะ แน่ๆว่าถ้วยชามงามๆนั้นช่วยให้โต๊ะกินอาหารมองน่าดึงดูดแล้วก็ชิคขึ้น แม้กระนั้นถ้าหากอยากอัพเกรดงานเลี้ยงมื้อเย็นให้ลงทุนชุดถ้วยชามที่งดงามมีคุณภาพเป็นหลักสัก 1 ชุด แล้วหลังจากนั้นจับคู่กับข้าวของเครื่องใช้ชิ้นอื่นอีกสัก 1-2 ชิ้น ก็จะก่อให้งานเลี้ยงของคุณมองอบอุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

  1. ตกแต่งดอกไม้ให้ทั่วบ้าน ดอกไม้สดหรือก้านไม้แห้งสามารถเพิ่มเสน่ห์ให้กับพื้นที่ของคุณรวมทั้งช่วยทำให้บ้านรู้สึกมีชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าสิ่งที่ต้องการที่จะให้ลงทุนเป็นแจกันและก็การตกแต่งนิดๆหน่อยๆแล้วหลังจากนั้นนำแจกันไปวางบนเคาน์เตอร์ โต๊ะกาแฟ หรือโต๊ะแต่งตัว

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      การตรวจสอบและปรับปรุงการได้ยินของคุณ

ประโยชน์ของต้นไม้ฟอกอากาศ ที่ให้มากกว่าความสวยงาม

คุณเคยรู้สึกไหมว่าแค่มองต้นไม้ขยับไปมาตอนลมพัดหรือเห็นความสีเขียวของต้นไม้ก็จะทำให้คุณรู้สึกดรขึ้นมาก บางคนหายเครียด บางคนรู้สึกสดชื่นขึ้นมาทันที ดังนี้บ้านของเราจึงมีการปลูกต้นไม้เอา นอกจากจะปลูกต้นไม่เพื่อเอาไว้ฟอกอากาศแล้ว เรายังปลูกเพื่อให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้นเวลาที่เรามองมันอีกด้วย

ต้นไม้ใหญ่เอาไว้ให้ร่มรื่น บางต้นออกดอกผลมาให้เราทาน ต้นไม้เล็กให้ดอกสวยงาม ฟอกอากาศได้ ตั้งแต่เราพูดมายังไม่เคยเห็นข้อเสียของต้นไม้เลย ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่ชอบต้นไม้สามารถนำต้นไม้ต่างๆไปปลูกได้นะ โดยเราจะมาแนะนำต้นไม้เล็กๆปลูกในบ้านให้ความสดชื่น แถมฟอกอากาศได้ด้วย

 

ประโยชน์ของต้นไม้ฟอกอากาศ สามารถปลูกในบ้านได้

1.ต้นยางอินเดีย

เป็นต้นไม้ที่ไม่ใช้พื้นที่อะไรเลย แถมยังช่วยฟอกอากาศให้บ้านของคุณได้ ช่วยให้บ้านรู้สึกสดชื่นขึ้น นอกจากนั้นยังเอาไว้ประดับบ้าน ใส่กระถางสวยๆ วางให้เข้ากับบ้านก็ดูสวยไม่ใช่น้อยเลย สีสันของยางอินเดีย ส่งผลทำให้บ้านดูหรูขึ้น และยางอินเดียยังช่วยจับดักฝุ่นภายในบ้านให้คุณได้ด้วย สำหรับยางอินเดียเป็นต้นไม้น้อยที่ดูแลง่าย ไม่ต้องการน้ำสักเท่าไหร่ คนที่ไม่มีเวลาก็ไม่ต้องกังวลว่าน้องจะตายนะ

 

2.ต้นกวักมรกต

หากคุณปลูกต้นกวักมรกตไว้ในบ้านแล้วสิ่งที่คุณจะได้เลย โดยต้นมันจะทำหน้าที่ให้คุณนั้นก็คือมันจะช่วยฟอกสารพิษในอากาศ และชื่อยังเป็นมงคล สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้สามารถนำต้นกวักมรกตนี้ไปปลูกได้นะ และต้นมันยังไม่ต้องมานั่งสนใจ อยู่ง่ายตายยาก จึงเป็นต้นไม้ที่คนให้ความสนใจมากมาย หากปลูกแล้วบ้านจะมีเงินทองไหลมาเลยแหละ

 

3.ต้นไทรใบสัก

ต้นไทรใบสักเป็นต้นมงคลที่มีชื่อความหมายดี และคนที่นำมาปลูกไว้ในบ้าน ก็ยังได้รับอะไรดีๆ เช่นช่วยฟอกอากาศ ช่วยจัดให้บ้านดูสวย ร่มรื่น ด้วยใบที่เป็นพุ่มของมัน ทำให้วางตรงไหนของบ้านก็ดูดีไปหมด สามารถนำไปไว้ทุกมุมของบ้านได้เลย ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องรับแขกก็ได้เช่นกัน

 

4.ต้นลิ้นมังกร

แค่ชื่อก็มงคลแล้วต้นลิ้นมังกรสามารถที่จะนำไปแต่งบ้านและช่วยในเรื่องของการฟอกอากาศได้ดีไม่น้อย คนนิยมนำมาปลูกมาเพราะมันมีสีสวย ใบยาวเรียว เอาแต่งในกระถางงางตามมุมบ้านดูสวยงาม ไม่ต้องเปลืองเงินซื้ออย่างอื่นมาแต่งบ้าน เพราะแค่ต้นลิ้นมังกรก็ชื่อมงคลแถมแต่งบ้านสวยช่วยฟอกอากาศให้แก่คุณได้ดีเลยแหละ

 

สนับสนุนโดย    เครื่องช่วยฟังแบบไหนดี

การใช้ประโยชน์จากกาแฟ การนำไปหมักผมให้ผมเงางาม

กาแฟนอกจากจะเป็นคาเฟอีนที่เอาไว้ทำให้เรากินในเวลาง่วงแล้วยังมีประโยชน์อื่นๆอีกมากมายสรรพคุณของกาแฟนั้นสามารถนำไปทำประโยชน์ได้อีกเยอะแยะโดยที่วันนี้เราก็ได้หยิบยกตัวอย่างที่ได้จากสรรพคุณของกาแฟว่าสามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง

คุณรู้หรือไม่ว่ากาแฟนั้นสามารถนำไปหมักผมได้และยังได้ประโยชน์จากการหมักผมที่ดีด้วยไม่ว่าจะเป็นคนผมเสียจากการทำสีคนผมขาดหลุดร่วงก็สามารถที่จะนำกาแฟไปหมักเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านี้ได้วิธีการจะเป็นอย่างไรมาดูกันเลย

การนำกาแฟไปหมักผมได้ประโยชน์อะไรบ้างและมีวิธีทำอย่างไร

1.การหมักเพื่อป้องกันผมร่วง

ผู้ที่ผมร่วงหนักหนักมักจะมีอาการที่เกี่ยวกับหนังศีรษะหรือศีรษะของเขามีความอ่อนแอค่อนข้างที่จะมากดังนั้นหากคุณเป็นบุคคลที่มีผมร่วงเช่นกันโดยคุณสามารถนำกาแฟไปหมักผมของคุณซึ่งมันจะทำให้รากผมของคุณแข็งแรงขึ้นและร่วงยากขึ้นนั่นเอง

ใช้กาแฟนำไปต้มแล้วเอามาแค่น้ำจากนั้นให้เอาน้ำหมักหมักผมทิ้งไว้สักครู่ประมาณ 30 นาทีเพื่อทำให้ผมของคุณแข็งแรงขึ้นลดการขาดหลุดร่วงป้องกันหัวล้านและนอกจากนั้นผมของคุณอย่างนุ่มขึ้นและดำเงางามขึ้นได้อีกด้วย

 

2.การทำให้ผมนุ่มขึ้นลื่นขึ้นด้วยเมล็ดกาแฟ

คาเฟอีนที่มีอยู่ในเมล็ดกาแฟช่วยในเรื่องของทำให้ผมของคุณนุ่มลื่นขึ้นได้นอกจากนั้นยังทำให้หนังศีรษะของคุณมีความแข็งแรงกระชับรูขุมขนทำให้ผมของคุณไม่หลุดร่วงอีกต่อไปแล้วจะทำให้ผมขึ้นดกดำมากขึ้นกว่าเดิม คุณมีผมที่พันกันควรนำเมล็ดกาแฟนี้มาทำการหมักเพราะมันจะแก้การทำให้ผมพันกันทำให้ผมมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นยังบำรุงเส้นผมของคุณให้สลวยอีกด้วยนะ

 

3.เมล็ดกาแฟช่วยเร่งให้ผมยาวขึ้นมาได้

คงเป็นการดีไม่น้อยถ้าหาผมของเราจะยาวขึ้นมาเร็วกว่าปกติและมีสุขภาพดีขึ้นตามมาด้วย หลายคนมักตัดผมเพราะผมมีปัญหาไม่ยาวยาวช้าหรือผมแห้งเสียซึ่งนั่นจึงเป็นปัญหาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะเจอแต่ถ้าหากคุณรู้จักเมล็ดกาแฟแล้วมันสามารถที่จะทำให้ผมของคุณยาวและสวยเก๋ได้นอกจากนั้นสำหรับคนที่ต้องการให้ผมยาวเร็วขึ้นสามารถสกัดเมล็ดกาแฟเพื่อช่วยในการเร่งผมของคุณให้ยาวขึ้นได้ด้วยนะ

 ใครก็ตามการนำเมล็ดกาแฟมาสกัดเพื่อนำมาหมักหรืออาจจะนำมาบำรุงผมมันจะส่งผลให้ผมของคุณมีสุขภาพที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้นแต่คุณก็ต้องมีเวลาเอาใจใส่ดูแลต้องใช้เวลาในการหมักหรืออาจจะหมักบ่อยครั้งอาทิตย์ละสองครั้งเป็นต้นไปเพื่อจะส่งผลให้มันดูดีขึ้น

 

สนับสนุนโดย    ฮอยอาน่า

ไขข้อสงสัยทำไมเราจึงต้องตรวจสุขภาพ

เคยสงสัยกันหรือไม่ว่า ทำไมเราจึงต้องตรวจสุขภาพประจำปี เพราะการตรวจสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่จะทำให้เรารู้ทราบถึงสถานะร่างกายของตนเองได้เร็ว ว่าร่างกายของเรามีความเสี่ยง หรือได้รับผลกระทบอะไรบ้าง เพื่อที่เราจะได้เข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้องและทันเวลา

เพราะคนเราส่วนใหญ่มักที่จะมองว่า ตนเองมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอยู่เสมอ จึงไม่จำเป็นที่ต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพก็ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าร่างกายของเรานั้นมีความเสี่ยง หรือเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ฉะนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราควรจะให้ความสำคัญกับการตรวจสุขภาพ เพื่อเป็นการตรวจเช็คร่างกายของตนเองอยู่เสมอ

และเพื่อช่วยลดปัญหาการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ขึ้นได้นั่นเอง อย่างไรก็ตาม การมีสุขภาพร่างกายที่ดีทั้งภายในและภายนอก เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม เพราะช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น สำหรับใครที่สงสัยว่า หากเรามีร่างกายที่แข็งแรงอยู่แล้ว ทำไมเราจึงต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพ วันนี้เรามคำตอบ

การตรวจสุขภาพเป็นการตรวจเช็คร่างกาย ถึงแม้ว่าเราจะมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงมากขนาดไหนก็ตาม แต่เราไม่มีทางรับรู้ได้เลยว่า ภายในร่างกายของเรานั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

ฉะนั้น การตรวจเช็คความผิดปกติของร่างกาย จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม เพื่อเป็นการตรวจเช็คภายในร่างกาย ถึงแม้เราจะแข็งแรง ก็ต้องหใความสำคัญกับการตรวจสุขภาพด้วยเช่นกัน เพราะอย่างน้อยเราก็จะได้รู้ทราบถึงสถานะร่างกายของตนเองได้เร็ว 

การตรวจสุขภาพช่วยป้องกันความรุนแรงของโรค แน่นอนว่า การที่เราหมั่นเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ

จะทำให้เรานั้นลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายได้ ทำให้โรคที้เกิดขึ้นนั้นไม่ได้รุนแรงจนถึงขั้นทำให้เราเสียชีวิตได้ เพราะการดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ มักที่จะปล่อยละเลยการดูสุขภาพร่างกายของตนเอง ทำให้ร่างกายอาจได้รับความเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ ได้ง่าย การตรวจสุขภาพประจำปี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม และทำให้การตรวจสุขภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญนั่นเอง 

การตรวจสุขภาพทำให้รู้สถานะร่างกาย รู้หรือไม่ว่า การที่เรารับรู้ความเคลื่อนไหวของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งภายใน หรือภายนอกก็ตาม เป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ที่จะทำให้เราใช้ชีวิตในประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังทำให้เรานั้นรู้ว่าภายในร่างกายของเรานั้นเกิดอาการผิดปกติอะไรขึ้นบ้าง เพื่อที่เราจะได้เข้ารับการรักษาได้อย่างตรงจุด และอาจช่วยให้อาการที่เกิดขึ้นนั้นไม่ค่อยรุนแรงนั่นเอง

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ

ชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียในสังคมที่เน้นการแต่งหน้า

บ่อยเท่าที่ฉันได้วิเคราะห์ความสัมพันธ์ของฉันกับการแต่งหน้า ฉันก็มักจะวิเคราะห์โดยคำนึงถึงความรักต่อร่างกายของคุณ และคำนึงถึงความนับถือตนเองเป็นหลัก ไม่นานมานี้ฉันได้พิจารณาเรื่องนี้ในบริบททางเชื้อชาติ เมื่อมองในกระจก ฉันมักจะเห็นตัวเองเป็นสาวเอเชียที่มักถูกรายล้อมไปด้วยคนผิวขาว

เมื่อตอนที่ฉันเรียนมัธยมต้นและมัธยมปลายเอกชน และตอนนี้อยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชน

นอกเหนือจากชุมชนชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียที่ฉันใช้ชีวิตในช่วงปีแรกๆ แล้ว ฉันยังรู้สึกเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของชนกลุ่มน้อยอยู่เสมอ แต่หลังจากครุ่นคิดมาหลายปี ในที่สุดฉันก็ได้ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ทางเชื้อชาติของฉันส่งผลกระทบมากเพียงใดต่อแนวทางการแต่งหน้าของฉัน ความเข้าใจที่เพิ่งค้นพบนี้ดูเหมือนจะเป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในเดือนมกราคม

ซึ่งเป็นเวลาที่ทุกคนกำลังพยายามพลิกใบไม้ใหม่ หรือเริ่มต้นบทใหม่ในชีวิตของพวกเขา ไคลี เจนเนอร์แสดงความสนใจที่จะแต่งหน้าให้น้อยลงในปี 2559 โดยกล่าวว่า “บางครั้งมันก็มากเกินไปที่จะรักษาไว้ การเป็นเด็กผู้หญิงเป็นเรื่องยาก”

แม้ว่าฉันไม่ชอบที่จะบรรลุเป้าหมายเชิงปริมาณ แต่ฉันก็ชอบที่จะคำนึงถึงหลักเกณฑ์ทั่วไปอยู่เสมอ ในปี 2559 เป้าหมายใหญ่ประการหนึ่งของฉันคือแต่งหน้าให้น้อยลง ตอนที่ฉันอยู่มัธยมต้น ฉันไม่เพียงแต่ค่อนข้างจะ “เป็นคนผิวขาว” เท่านั้น (หมายความว่าฉันหลอมรวมเข้ากับสังคมตะวันตกเป็นส่วนใหญ่)

แต่ฉันก็ค่อนข้างละอายใจกับเชื้อชาติของตัวเองด้วย สิ่งนี้เป็นจริงเมื่อสัมพันธ์กับวัฒนธรรมของฉัน แต่    hoiana เวียดนาม    ยังสัมพันธ์กับรูปลักษณ์ภายนอกด้วย สิ่งที่ฉันอิจฉาที่สุดคือขนตาที่หนาและโค้งตามธรรมชาติของสาวคอเคเชียน และดวงตาของพวกเธอก็ดูคมชัดและทะลุทะลวงโดยไม่ต้องเสริมแต่งเพิ่มเติม

ฉันเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าผิวคนเอเชียของฉันกระจ่างใสกว่ามาก ผิวสีแทนโดยไม่เกิดรอยไหม้ และผมคนเอเชียของฉันหนาและนุ่มสลวยจนไม่เคยเป็นปมเลย

บางทีสิ่งที่ทำให้ฉันอิจฉาสาวคอเคเซียนอาจเป็นคำพูดที่ฉันเคยสัมผัสตลอดวัยเด็ก ซึ่งดึงดูดสายตาเป็นหน้าต่างสู่จิตวิญญาณ โดยธรรมชาติแล้ว ฉันกลัวว่าจะไม่มีใครสามารถอ่านจิตวิญญาณของฉันผ่านขนตาเส้นตรงบางๆ ของฉันได้ ท้ายที่สุดแล้ว ดวงตาของฉันก็ชัดเจนน้อยกว่าเมื่อเทียบกัน

สาวเอเชียหลายคนที่ฉันรู้จักไม่กล้าใช้มาสคาร่ากับขนตาเลยแม้แต่น้อยจนกว่าพวกเธอจะดูจับตัวเป็นก้อนและดูเป็นใยแมงมุม แต่พวกเขาจะใช้อายไลเนอร์ชนิดน้ำครึ่งภาชนะ โดยทาบนอายไลเนอร์อย่างหนาเพื่อสร้างภาพลวงตาที่มีความหมาย บางครั้งฉันก็ผสมมาสคาร่าแบบลดสีลงเพื่อให้ดวงตาของฉันดูโดดเด่นขึ้นอย่างมาก

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ขนตาของฉันจะยาวกว่าสาวเอเชียคนอื่นๆ ตามธรรมชาติ และฉันก็กำหนดเปลือกตาด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันตื่นสายไปโรงเรียน (เป็นเรื่องปกติ) และต้องแต่งหน้าในลานจอดรถของโรงเรียน ฉันจะไปเขียนอายไลเนอร์และมาสคาร่าเป็นอันดับแรก การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ฉันงุนงง ฉันพยายามถอดรหัสวิจารณญาณของตัวเอง

โดยถามตัวเองว่า ถ้าฉันมีตำหนิบนใบหน้าและดวงตาแบบเดียวกัน ฉันจะเลือกปกปิดรอยตำหนิหรือกำหนดดวงตาของตัวเอง ฉันอาจจะเลือกอายไลเนอร์ ทำไม เพราะสิวเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญในช่วงหนึ่งของชีวิต เนื่องจากฮอร์โมนและความเครียดในร่างกายของวัยรุ่นพุ่งสูงขึ้นอย่างทันท่วงที สิวจึงกลายเป็นบรรทัดฐานที่ยอมรับกัน แม้ว่าจะไม่สวยงามหรือโชคร้ายก็ตาม สรุป: สังคมตะวันตกให้อภัยเรื่องสิวมากขึ้น